ฝนจ๋าฝน ตกไม่เลือกวัน เลือกเวลากันเลย หนึ่งวันในประเทศเวียดนาม เวลาของเราหมดไปกับการเดินหลบฝน เราได้ไปแค่เพียงจตุรัสโฮจิมินห์ และ The cafe’apartment เท่านั้น ได้เช็คอินแค่สองแลนด์มาร์คแต่ก็รู้สึกคุ้มค่าอย่างบอกไม่ถูก
โฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ชื่อเดิมของนางก็คือไซง่อนนั่นแหละ ส่วนมากที่นี่มักจะเป็นที่ขึ้นรถบัสเพื่อไปเที่ยวต่อในเมืองอื่น ๆ เช่นเมืองดาหลัตเป็นต้น

เรามาเปิดประตูสู่โฮจิมินห์ ในแบบของแบ็คแพ๊กเกอร์กัน

และสถานที่ ๆ ใครมาเยือนโฮจิมินห์ยังไงก็ต้องแวะมา นั่นก็คือ ลานจตุรัสโฮจิมินห์จะมีรูปปั้นท่านโฮจิมินห์ยืนเด่นเป็นตะง่านอยู่ อย่าลืมเดินไปเคารพท่านโฮจิมินห์ด้วยหล่ะ ซึ่งด้านหลังรูปปั้นลุงโฮก็คือ Ho Chi Minh City Hall หรือศาลากลางโฮจิมินห์ ตัวอาคารรูปทรงสวยงาม
โดดเด่นอยู่กลางเมืองหลวงด้วยโครงสร้างสีสันดูวินเทจและคลาสสิคสุด ๆ แม้ว่าจะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมด้านใน แต่แค่ได้ผ่านมาเช็คอินถ่ายรูปแค่ด้านหน้าตึกก็ถือว่ามาถึงโฮจิมินห์ล่ะฮ่าๆๆ
เราเดินต่อไปตามทางเดินที่เชื่อมกับลานกิจกรรมที่อยู่เกาะกลางถนน ที่ตรงบริเวณนี้ มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่พอสมควรเลย มีสวนดอกไม้ตามฤดูกาลตกแต่งอยู่โดยรอบ เราชอบตรงลานน้ำพุวงกลมตรงนี้มาก ๆ มันสวยมากเลยแกร คือหาจังหวะยากมากที่จะถ่ายรูปแบบไม่ติดผู้คน จะถ่ายรูปเดี่ยว แต่ดันได้รูปกลุ่มสะงั้น
แต่เราก็ทำสำเร็จนะ ก็เพราะอย่างที่บอก ตรงนี้คือแลนด์มาร์ค ที่ใครมาเที่ยวก็ต้องมีภาพถ่ายตรงบริเวณน้ำพุนี้แน่ๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก ๆ ในช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ เราสามารถเดินจากเจ้าน้ำพุวงกลมต่อเรื่อย ๆ จนถึงมาถึงบริเวณลานน้ำพุที่จะมีการแสดงน้ำพุในช่วงกลางคืน เสียดายที่เราไม่ได้ดูเพราะต้องเดินทางกันต่อในช่วงกลางคืน
และแล้วเราก็เดินมาจนถึงอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่วัยรุ่นต้องมาเช็คอิน นั่นก็คือ “The Cafe Apartment” ตึกรูปทรงธรรมดาแต่เราว่ามันโคตรเท่ห์เลย มีทั้งหมด 9 ชั้น ด้านบนแบ่งห้องเป็นบล็อกสีเหลี่ยม มีทั้งร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม
แต่ละร้านก็ออกแบบตกแต่งแข่งขันกันสุดฤทธิ์ เลือกกันได้ตามความชอบ ที่นี่มีบริการลิฟท์โดยสาร แต่ถ้าใครจะขึ้นลิฟท์ก็ต้องจ่ายเงินให้กับคนที่นั่งเก็บเงินตรงหน้าลิฟท์นั่นแหละ แต่เรา ไม่ขึ้นจ๊ะ!!! ต้องเดินขึ้นบันไดดิ สเน่ห์มันอยู่ตรงนี้ไง ฮ่าๆๆจริง ๆ ไม่ใช่แค่ขี้งก เปล่าหรอก เราจะได้เห็นว่าชั้นไหนมีอะไรน่าสนใจกันบ้างต่างหาก อิอิ
เราเลือกร้านเอาไว้แล้วอยู่ที่ชั้น 8 เล็งกันมาตั้งแต่อยู่ด้านล่าง จะบอกว่าพอเดินขึ้นบันไดมา เราก็สามารถใช้ลิฟท์ได้ล่ะนะ ไม่เสียเงินด้วยฮ่า ๆ จนในที่สุดเราก็มาถึงร้าน BOO ร้านเครื่องดื่มที่เราตั้งใจมาชิม ถ้ามองจากด้านล่างคือร้านนี้มีอยู่หลายร้านหลายชั้นมาก ๆ เราเลือกร้านที่อยู่มุมสุดและเหลี่ยมระเบียงสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและมองเห็นลานน้ำพุด้วย

เราสั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว คือร้านนี้ดังมากนะในเวียดนาม

เมนูของดีก็คือชานมไข่มุกและ Coffee coconut ก็คือกาแฟผสมน้ำมะพร้าวปั่น สองเมนูนี้คืออร่อยมากกกก ตัวฟองนมของชานมไข่มุกคืองานละเอียด งานดีเลย เข้มข้นหวานมัน เม็ดไข่มุกก็เล็กคล้าย ๆ ของที่ไต้หวันเลย ห้ามพลาดนะ
ร้านตกแต่งสวยงาม ที่ชอบมากที่สุดก็คือตรงระเบียงนี่แหละ


ร้าน BOO เครื่องดื่มอร่อย ตกแต่งชนะเลิศ เหลี่ยมดี วิวดี คุ้มค่าแก่การเดินขึ้นบันไดมาชิมจริงๆ สัญชาตญาณการเลือกร้านดีเยี่ยม
เราว่าที่ The Cafe Apartment แห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญของที่โฮจิมินห์เลยก็ว่าได้นะ เรายอมใจความช่างคิดและไอเดียนี้ของเขามากๆเลย คิดได้ไงเอาร้านอาหาร คาเฟ่มารวมไว้ที่ตึก ๆ เดียว คือมันเกร๋เว่อร์นะ เราอยากให้ที่ประเทศไทยมีอพาร์ทเม้นท์แบบนี้บ้างจัง หรือไม่ก็หาตึกร้างๆสักตึกเอามาทำก็ได้ ก็จะดูได้ใช้ประโยชน์มากกว่าปล่อยให้รกร้างไปเฉย ๆ ว่ามะ!!
สุดท้ายนี้แม้ว่าการมาโฮจิมินห์ในครั้งนี้ของเรา จะเป็นแค่การมาต่อรถและเที่ยวเพื่อค่าเวลาก่อนที่จะออกเดินทางไปเที่ยวที่อื่นและถึงแม้ว่าฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ เราก็ไม่หวั่น คงเสียดายแย่ถ้ามัวแต่รอฝนหยุดและไม่ได้ออกมา ถือว่าวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่คุ้มค่ามิใช่น้อย กับการมาเที่ยวโฮจิมินห์และได้เช็คอินที่ The Cafe Apartment
มีโอกาสเราจะกลับไปอีกแน่นอน แล้วพบกันใหม่นะ โฮจิมินห์
#เที่ยวญี่ปุ่น #ท่องเที่ยวต่างประเทศ #ทริคการเดินทาง #เที่ยวโฮจิมินห์ #Thecafeapartment